นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ายินดีที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมในไทยใกล้จะได้เกิดขึ้นจริงแล้ว หลังจากที่วันนี้ (27 มี.ค. 2567) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม วาระที่ 2-3 ด้วยคะแนนเสียง 400 ต่อ 10 เสียง โดยมีผู้งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนนอีก 3 เสียง 

สภาผู้แทนฯ ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้ว พร้อมเตรียมส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา 

นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ายินดีที่ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ในไทยใกล้จะได้เกิดขึ้นจริงแล้ว หลังจากที่วันนี้ (27 มี.ค. 2567) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม วาระที่ 2-3 ด้วยคะแนนเสียง 400 ต่อ 10 เสียง โดยมีผู้งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนนอีก 3 เสียง&nbsp;โดยหลังจากนี้ จะเป็นการส่งร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมให้วุฒิสภาพิจารณาต่อ และหากผ่าน ประเทศไทยก็จะกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้สำเร็จ และเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย ถัดจากไต้หวันและเนปาล&nbsp;สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จะมีการแก้ไขเนื้อหาใน พ.ร.บ. 68 มาตราด้วยกัน เช่น ปรับคำจากเพศ “ชาย-หญิง” เป็น “บุคคลทั้งสองฝ่าย” ส่วนในกรณีการหมั้นหมาย จะปรับจาก “ฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง” เป็น “ผู้หมั้น และผู้รับหมั้น” สถานะหลังจดทะเบียนสมรส จะปรับจาก “สามีภริยา” เป็น “คู่สมรส” ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการปรับเกณฑ์อายุขั้นต่ำของผู้หมั้นและผู้สมรสให้เป็น 18 ปี จาก 17 ปีด้วยอย่างไรก็ตาม ยังมีอีกประเด็นที่น่าจับตากันต่อนั่นคือสิทธิในการรับเลี้ยงดูบุตรร่วมกัน โดยเริ่มแรก กรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างน้อยได้ขอเพิ่มคำว่า "บุพการีลำดับแรก" เข้าไปนอกเหนือจากคำว่า “บิดา มารดา” เพื่อความเป็นกลางทางเพศ แต่ก็ได้ถูกที่ประชุมสภาฯ ตีตกไปเนื่องจากเป็นคำใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ มีหลายประเด็นละเอียดอ่อนซ้อนอยู่ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณาต่อไปก่อน ซึ่ง ปาหนัน ภาคภูมิ พันธวงค์ กมธ.เสียงข้างน้อย จากภาคประชาชนกล่าวว่า "การใช้คำว่าบิดา มารดา โดยทิ้งพวกเขา (คู่รัก LGBTQ) ไว้ข้างหลังมันคือเรื่องที่ผิดปกติ"นั่นหมายถึง ในเรื่องน่ายินดีก็ยังคงมีเรื่องที่ต้องค่อยๆ ต่อสู้และขับเคลื่อนกันต่อ แต่อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้กับการลงมติเห็นด้วยถึง 400 เสียง ก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งว่าเมืองไทยค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.bbc.com/thai/articles/cn0edj0dq6lo" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bbc.com/thai/articles/cn0edj0dq6lo</a> &nbsp;<a href="https://www.thaipbs.or.th/news/content/338486" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.thaipbs.or.th/news/content/338486</a> &nbsp;

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ ในช่วงต้นปี 2567 พบว่า สายตาที่ประชาชนหลายคนมองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับยังมีความ ‘ไม่ไว้ใจ’ ในการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่มาก

ผลสำรวจปี 67 พบว่า คนไทยหวาดกลัวต่ออาชญากรรมค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ไม่เชื่อมั่นใน ‘ตำรวจ’ ทั้งยังคาดหวังให้ตำรวจตรวจสอบได้ ทำงานเร็ว และไม่เลือกปฏิบัติ ฯลฯ

กำลังเป็นที่ฮือฮาในประเทศจีนอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อภาพการออกแบบสถานีรถไฟหนานจิงเหนือ (North Nanjing) ในเมืองหนานจิง ประเทศจีน ในรูปแบบม็อกอัป ถูกเผยแพร่ออกมาให้ชมกัน ที่ทำเอาคนจีนพูดเป็นเสียงเดียวกันบน Weibo ว่า นี่มัน ‘ผ้าอนามัยยักษ์’ ชัดๆ!

สถานีรถไฟหนานจิงถูกวิจารณ์บนโซเชียลฯ ว่าดีไซน์เหมือนผ้าอนามัยยักษ์ และน่าอับอาย ขณะที่คนบางส่วนออกมาแสดงจุดยืนว่า น่าอายตรงไหน เมนส์คือเรื่องปกติ

เพราะการสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่เสมอไป การขับเคลื่อนของ ‘เฟมินิสม์’ ก็เช่นเดียวกัน ชวนรู้จัก ‘Microfeminism’ แนวทางการต่อสู้กับอคติทางเพศด้วยการกระทำเล็กๆ ในชีวิตประจำวันแบบเนียนๆ มากกว่าการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Change

สภาผู้แทนฯ ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้ว พร้อมเตรียมส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS