เมื่อเทรนด์การวิเคราะห์ ‘Personal Color’ หรือการหาสีที่เหมาะกับสีผิวเป็นที่นิยมมากขึ้น หลายๆ คนเริ่มจำกัดกรอบการแต่งหน้าของตัวเอง และลามไปจำกัดกรอบการแต่งหน้าของคนอื่นกันมากขึ้น

ปรากฏการณ์ “ตำรวจ Personal Color ลง!” เมื่อบางคนยึดติดกับศาสตร์นี้จนเกินไป แล้ววิจารณ์การแต่งหน้าของคนอื่นจนชวนให้อึดอัด

“พี่แต่งหน้าโทนชมพูน่าจะเข้ากว่านะคะ”“ทำไมแต่งหน้าโทนส้มล่ะ ไม่ค่อยเหมาะเลย”“เราว่าแต่งแบบนี้ดีกว่า เก็บไว้พิจารณานะคะ”“Personal Color ของเธอ ไม่ค่อยเหมาะกับเครื่องประดับสีทอง หรือแต่งหน้า Warm tone นะ”ฯลฯหลายครั้งเวลาเห็นคนทำคลิปแต่งหน้า หรือโชว์ไลฟ์สไตล์ผ่านทาง TikTok พอเลื่อนอ่านดูคอมเมนต์ทีไร เราก็มักจะเจอคำแนะนำ (ที่บางทีเจ้าตัวไม่ได้ขอ) แบบที่เรายกตัวอย่างข้างต้นกันมากขึ้น และหลายครั้ง มันก็เข้าข่าย ‘Makeup Shaming’ ที่มาในรูปแบบการวิจารณ์การ<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2" rel="noopener noreferrer" target="_blank">แต่งหน้า</a>ของคนอื่นที่บางทีก็ไม่ถูกใจ ไม่ถูกมองว่าสวย หรือไม่เป็นไปตามสูตรจากผู้เชี่ยวชาญ เวลาใครเห็นคนนั้นคนนี้แต่งหน้าไม่ถูกใจตัวเอง ก็เริ่มตินั่น ตินี่ อยากให้ปรับปรุง ซึ่งในแง่หนึ่งมันอาจช่วยให้คนอื่นพัฒนาตัวเองได้ในบางกรณี แต่การถือการ์ดชาวเน็ตผู้หวังดีเข้าไปเตือน โดยเอาบรรทัดฐานของตัวเองเป็นที่ตั้ง แน่นอนว่าไม่ได้ healthy สำหรับคนโดนเสมอไปยิ่งเมื่อเทรนด์การวิเคราะห์ ‘Personal Color’ หรือการหาสีที่เหมาะกับสีผิวของเราที่สุดเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน หลายๆ คนก็เริ่มจำกัดกรอบการแต่งหน้าของตัวเอง และลามไปจำกัดกรอบการแต่งหน้าของคนอื่นกันมากขึ้นเล่าก่อนว่า Personal Color คือศาสตร์ที่วิเคราะห์ว่าเราเหมาะกับสีอะไรมากที่สุด เพื่อเอามาปรับใช้กับการเลือกแต่งหน้า เลือกสีผม สีคอนแทคเลนส์ หรือเลือกสีเสื้อผ้าที่ใส่ แล้วจะทำให้ช่วยขับผิวของเราให้ดูสดใส เปล่งปลั่งมากขึ้น โดยแบ่งเป็น 4 ฤดูกาล ได้แก่ Spring, Summer, Autumn และ Winter ซึ่งหลังๆ มานี้ ก็มีทั้งการวิเคราะห์กันคร่าวๆ บนโซเชียลมีเดียผ่านการทำเทสต์ หรือถ้าจริงจังขึ้นมาหน่อย และอยากให้รู้สีที่แน่ชัดที่สุด ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญที่รับวิเคราะห์โดยเฉพาะเหมือนกัน ซึ่งบางคนที่รู้แล้วว่าตัวเองเหมาะกับสีอะไรก็จะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และเพิ่มความมั่นใจขึ้นได้ ซึ่งนับเป็นข้อดีที่ทำให้ชีวิตของบางคนง่ายขึ้นเลย&nbsp;แต่การวิเคราะห์ศาสตร์นี้ ก็ควรเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน และถ้ามันขัดต่อความพอใจของเรามากๆ เช่น วิเคราะห์ออกมาแล้ว เขาไม่ให้ใส่สีส้มเลย แต่เจ้าตัวดันชอบสีส้ม เราว่าการออกนอกกรอบ และใส่ในสิ่งที่ตัวเองมั่นใจที่สุด ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะความสวยนั้นเริ่มต้นจากพื้นฐานความมั่นใจในตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น การที่ไปทักคนอื่นว่าให้เปลี่ยนการแต่งหน้า หรือเปลี่ยนความชอบของเขาเพื่อให้ตรง Personal Color ก็นับว่าก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวคนอื่นประมาณหนึ่งอยู่เหมือนกันทางฝั่งคนที่โดนทัก ก็มีทั้งมีคนที่รับฟัง ตอบโต้กลับไปทางเชิงบวก เพราะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็มีคนที่ตอบโต้กลับไปเพื่อยืนยันสิทธิ์ของตัวเองด้วยว่า การทักท้วงลักษณะนี้เป็นการล้ำเส้น และไม่มีมารยาท เพราะหากเจ้าตัวแต่งหน้าแบบนี้แล้วมั่นใจ มันก็ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นที่ต้องไปทักให้เสียเซลฟ์ เพราะตัวเขาเองยังไม่ได้ขอคำแนะนำจากใครเลย&nbsp;นั่นทำให้ชาวเน็ตเริ่มแซวคนที่ชอบทักท้วงการแต่งหน้าคนอื่นโดยอ้างความหวังดีอีกทีหนึ่งว่า “ตำรวจ Personal Color ลง!” / “ตำรวจตรวจจับ Cool tone, Warm tone ลง!” / “ตำรวจไพร์มเมอร์ลง!” ฯลฯ&nbsp;นี่เป็นอีกประเด็นที่ถกเถียงกันบนโลกอินเทอร์เน็ต บางส่วนก็มองว่าทำไมไม่รับฟังบ้างล่ะ คนเขาหวังดี ไปจนถึงการตำหนิคนที่ยืนยันว่าตัวเองไม่โอเคกับการถูกคอมเมนต์แบบนั้น ว่าทำไมต้องเฟียซกลับ ขณะที่บางส่วนก็มองว่า เราไม่ควรไปทักใครแบบนี้ เพราะนั่นคือความพึงพอใจของคนแต่งหน้า และแต่ละคนก็มีสไตล์ใครสไตล์มัน แม้จะไม่ใช่สไตล์ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมมองว่าสวย มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องถูกคอมเมนต์ shame แต่อย่างใด เพราะความสวยของแต่ละคนนั้นเป็นเรื่องปัจเจกมากๆ เราจะใช้แค่เส้นเดียวมาตัดสินกันไม่ได้แน่ๆ&nbsp;ฉะนั้นแล้ว การจะชอบการแต่งหน้าแบบไหน หรือชอบสีอะไร ล้วนเป็นอิสระที่ทุกคนมีสิทธิเลือกได้เต็มที่ ให้ Personal Color ช่วยไกด์คร่าวๆ ก็พอ อย่าให้มันทำให้กลายเป็นกรอบจนทำให้เรารู้สึกอึดอัดกับตัวเอง เพราะการถูกจำกัดกรอบจนหมดสนุกในการแต่งหน้าหรือแต่งตัวไม่ควรเกิดขึ้นแล้วใน พ.ศ.นี้ และสำหรับคนที่เห็นแล้วขัดตาขัดใจ ไม่เห็นด้วยกับสีที่เขาเลือก สิ่งที่ง่ายที่สุดอาจเป็นการเก็บไว้ในใจ เพราะการไปทำลายความมั่นใจคนอื่นนั้นไม่ได้เป็นเรื่องคูลๆ อีกต่อไป เพราะสุดท้าย–นั่นคือหน้าของเขา!

ใหม่ล่าสุด มิสทิน เปิดตัวแป้งผสมรองพื้น “MISTINE THIS IS ME” พร้อมพรีเซนเตอร์ คนใหม่!!! เบลอรูขุมขน ปกปิด แต่บางเบา  บล็อคความมันได้ยาวนานกว่า 18 ชั่วโมง  

มิสทิน เปิดตัวแป้งผสมรองพื้น “MISTINE THIS IS ME” พร้อมพรีเซนเตอร์ คนใหม่ เบลอรูขุมขน ปกปิด แต่บางเบา  บล็อคความมันได้ยาวนานกว่า 18 ชั่วโมง

เมื่อพูดถึงงานวิ่งระดับประเทศของญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องสนามซึ่งมีความสำคัญและบรรยากาศสวยงามระหว่างทาง คงต้องยกให้งาน “KYOTO MARATHON” โดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ นักวิ่งที่เคยผ่านสนามนี้ ต่างก็ยกให้เกียวโตมาราธอนเป็นหนึ่งในสนามวิ่งที่สวยติดอันดับโลก โดยจุดกำเนิดของงานวิ่ง KYOTO MARATHON ในระยะทาง 42.19 กิโลเมตร คือความตั้งใจในการรณรงค์ให้คนรักสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้ทั่วโลกรับรู้ว่าเมืองเกียวโต คือ Green City และงานนี้ยังเป็นต้นแบบของกิจกรรมงานวิ่งมาราธอนเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ที่มากับคอนเซปต์ "DO YOU KYOTO? Marathon"

รวมภาพบรรยากาศและความรู้สึกนักวิ่งไทยจากงานวิ่ง ‘KYOTO MARATHON 2024’ 
หมุดหมายระดับโลกที่นักวิ่งมาราธอนใฝ่ฝัน และควรไปสัมผัสด้วยตัวคุณเอง


ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เรื่องขององค์กร บริษัท หรือนักการเมือง ในทุกวันนี้คนดังและเซเลบริตี้ทั้งหลาย โดยเฉพาะในฮอลลีวูด ก็ถูกเรียกร้องให้ต้อง ‘โปร่งใส’ เช่นกัน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Beauty

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS