ข้อความจากนิวเคลียร์ หรรษา ที่ทุกคนควรฟัง เพราะการแต่งตัวไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาบังคับ แม้แต่คนรักก็ตาม

หลายคนน่าจะได้เห็นกันแล้ว กับข้อความที่นักแสดงสาว นิวเคลียร์ หรรษา โพสต์ในอินสตาแกรมของตัวเอง หลังจากที่อดีตสามีอย่าง เพชรจ้า พูดถึงเธอในรายการหนึ่งว่าไม่ได้เสียดายที่เลิกรากันไป เพราะก็ไม่ได้ชอบที่นิวเคลียร์แต่งตัวเซ็กซี่ เนื่องจากเขาเป็นคนขี้หวง ขี้หึง อยากเห็นคนเดียว ไม่ชอบของแจกฟรี ฯลฯ 

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นชัดว่าต่อให้ปี 2022 หรือปีไหนๆ แล้ว แต่การมองร่างกายผู้หญิงเป็นวัตถุที่สามารถถูกครอบครองได้ยังเป็นเรื่องเมกเซนส์สำหรับบางคนในยุคนี้อยู่ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องน่าดีใจ ที่ผู้หญิงจำนวนมากก็พร้อมจะออกมายืนหยัดเช่นกัน ว่าการแต่งตัวอย่างไรนั้นล้วนแต่เป็นสิทธิของพวกเธอ อย่างที่นิวเคลียร์ได้ทำ และมีหลายคนที่แสดงความเห็นสนับสนุนและให้กำลังใจ

ขณะที่เรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน อาจยังมีหลายคนติดบั๊กว่า “แต่งตัวแรงไป กลัวจะดูไม่ดี” ซึ่งหลายครั้ง คำว่าดูไม่ดีในที่นี้ก็ไม่ใช่ในสายตาคนอื่นไกล แต่เป็นการตัดสินจากสายตาของคนใกล้ชิดอย่างคนรัก หรือ ครอบครัว นี่เอง ซึ่งหลายคนก็ยินยอมที่จะโอนอ่อนผ่อนตามเพราะไม่อยากมีปัญหาในความสัมพันธ์ตามมามากกว่าจะเพราะโอเคกับข้อบังคับนั้นจริงๆ 

พอมีคำอย่าง ‘ความรัก’ ‘ความเป็นห่วง’ หรือกระทั่ง ‘ความหวง’ เข้ามาเกี่ยวข้อง มันเลยทำให้การปฏิเสธที่จะยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่าย กลายเป็นการปฏิเสธความรักความหวังดีไปโดยปริยาย ทั้งที่จริง มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันเสมอไป และเราต้องทำความเข้าใจร่วมกันอีกสักครั้ง

แต่งตัวเปิดเผยให้เห็นเนื้อหนัง นั่นอาจหมายถึงเจ้าของร่างกายนั้นๆ รู้ดีว่าตัวเองมีสิทธิและเธอพอใจกับร่างกายตัวเองมากพอที่จะเปิดเผยมัน ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการให้ใครมาแตะต้องร่างกายส่วนนั้นๆ หรือกระทั่งเชิญชวนให้ใครมามีเซ็กซ์ด้วย ดังนั้น หาก ‘ความเป็นห่วง’ ที่ว่าหมายถึงกลัวคนแต่งตัวจะเกิดอันตราย เราคงต้องพลิกด้านความคิดกันใหม่ ว่าคนที่จะไปสร้างอันตรายให้คนอื่นต่างๆ เป็นฝ่ายที่ต้องถูกติติงให้แก้ไข และหาก ‘ความหวง’ ที่ว่า หมายถึงการเก็บไว้ดูคนเดียว ก็คงเป็นเรื่องที่คนในความสัมพันธ์เองต้องตัดสินใจกันดูแล้วล่ะ ว่าสบายใจจะอยู่ในฐานะวัตถุที่ถูกอีกฝ่ายครอบครองได้ต่อไปหรือเปล่า

และท้ายที่สุด ปัญหาเรื่องการแต่งตัว เป็นสิ่งที่ควรแก้ไขตรงที่สายตาคนมอง ที่ปากคนพูดถึง และที่การกระทำของคนที่จะเข้ามาปฏิสัมพันธ์ด้วย ไม่ควรเป็นเรื่องที่เจ้าของร่างกายจะต้องมาคอยระแวดระวังและฝืนใจตัวเอง ตราบใดที่มันยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพตัวเองและเคารพสถานการณ์-สถานที่ ไม่ใช่หรือ