ปี 2014 เว็บไซต์ Pornhub แทบแตกจากการที่มีคนกดเสิร์ชหาชื่อ มีอา คาลิฟา (Mia Khalifa) นักแสดงสาวดาวโป๊ที่แจ้งเกิดด้วยการเข้าฉากทรีซัมพร้อมสวมฮิญาบ! ตัวเว็บเลยต้องรองรับปรากฏการณ์ทัวร์ลงจากฝั่งคนที่นับถือศาสนา และตามล่าหาตัวคาลิฟากับค่าย BangBros สตูดิโอหนังโป๊ที่ถ่ายทำหนังเรื่องที่ว่า พร้อมกันกับที่ก็ต้องรองรับผู้คนจำนวนมหาศาลที่พุ่งตัวเข้ามาเสิร์ชดูชื่อเสียงเรียงนามของแม่สาวสุดอื้อฉาวจนคลิปโป๊ดังกล่าวที่คาลิฟาแสดงนำนั้นกลายเป็นวิดีโอที่มีผู้เข้าชมสูงที่สุดของปีไปโดยปริยาย
ไม่เกินเลยหากเราจะบอกว่า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คาลิฟาถูกพูดถึงและถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดครั้งหนึ่ง และในอีกเก้าปีต่อมา ชื่อของคาลิฟาก็เป็นที่หยิบยกกลับมาพูดถึงในสังคมอีกครั้ง เมื่อเธอให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทอล์กโชว์ Ziwe เมื่อพิธีกรของรายการ ซีวี ฟูมูโด ตั้งคำถามถึงอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เต็มไปด้วยการใช้เรือนร่าง ไม่ว่าจะ OnlyFans -แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้คนได้ทำคอนเทนต์ต่างๆ รวมทั้งคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเร่าร้อน ล่อแหลมด้วย- รวมทั้งการค้าบริการทางเพศ "คุณคาลิฟาคิดว่ามันมีความต่างอะไรบ้างไหมในอุตสาหกรรมเหล่านี้ หรือจริงๆ แล้วเราก็แค่ขายเรือนร่าง เนื้อตัวของเราเหมือนๆ กัน"
และคาลิฟาตอบกลับอย่างเผ็ดร้อน (และยังผลให้ชื่อของเธอถูกพูดถึงอีกครั้ง) ว่า "ด้วยความสัตย์นะคะ ฉันว่าการขายเรือนร่าง -หากจะยึดตามนิยามที่คุณอ้างเมื่อครู่- อยู่ใน OnlyFans ยังดีเสียกว่าการไปอยู่ในกองทัพเสียอีก เพราะการอยู่ในกองทัพเท่ากับว่าคุณขายเรือนร่างให้รัฐบาลนั่นแหละ"
บทสนทนาสั้นๆ ประเด็นนี้ถูกตัดไปลงใน TikTok และมีคนกดเข้าไปดูกว่าสองแสนครั้งในเวลาอันรวดเร็ว มีทั้งคนที่เห็นด้วยกับคาลิฟา ("เธอพูดผิดเสียที่ไหนล่ะ") และคนที่เห็นต่างออกไป ("อย่างน้อยอยู่ในกองทัพก็ได้รับใช้ชาตินะ") ตัวคาลิฟาเองก็ไม่ได้ห่างไกลจากกองทัพนัก เธอเกิดและโตในเลบานอนก่อนจะย้ายตามครอบครัวมาอยู่สหรัฐฯ เพื่อหนีสงครามในเลบานอน ใช้เวลาวัยรุ่นเกือบทั้งหมดในโรงเรียนเตรียมทหารแมสซานุตเท็นในรัฐเวอร์จิเนีย และกลายมาเป็นดาวโป๊แห่ง Pornhub ซึ่งยังผลให้เธอถูกครอบครัวตัดขาด ถูกขู่ทำร้ายร่างกายไปจนถึงขู่ฆ่าด้วยวิธีการต่างๆ นานา โดยเฉพาะจากฝั่งผู้อ้างตัวว่านับถือศาสนานั้น การกระทำดังกล่าวในวิดีโอโป๊ของคาลิฟาถือเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้โดยเด็ดขาด
คาลิฟาโต้กลับอย่างดุเดือดว่า สำหรับเธอแล้ว ภาพของ 'คนมุสลิม' ที่หนังฮอลลีวูดฉายออกมานั้นร้ายแรงกว่าสิ่งที่เธอทำตั้งไม่รู้กี่เท่า (คาลิฟาเคยผ่านประสบการณ์โดยเพื่อนนักเรียนกลั่นแกล้งรุนแรงเมื่อครั้งเกิดเหตุโศกนาฏกรรม 11 กันยายน 2001 เพราะเธอมาจากประเทศตะวันออกกลาง ทั้งที่เธอกับครอบครัวนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก) มิหนำซ้ำ เธอยังรู้สึกย่ำแย่ที่การปรากฏตัวของเธอในหนังโป๊ทำให้เธอถูกคนจากเลบานอนขู่ฆ่า หนังสือพิมพ์ต่างๆ พากันพาดหัวข่าวมุ่งร้ายเธอ
"สิทธิสตรีในเลบานอนน่ะยังห่างไกลจากสิ่งที่ควรจะเป็นตั้งเยอะ เพราะแค่นักแสดงหนังโป๊ลูกครึ่งเลบานอน-อเมริกันอย่างฉัน ซึ่งไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเลบานอนแล้วด้วยซ้ำ ยังก่อให้เกิดความชุลมุนในสังคมขนาดนี้" คาลิฟาบอก "ที่ผ่านมานี่ฉันภูมิใจเสมอที่บอกใครต่อใครว่ามาจากตะวันออกกลาง แต่ตอนนี้น่ะเหรอ ฉันรู้สึกว่ามันช่างเป็นประเทศที่แสนจะล้าหลังเหลือเกิน"
นอกจากนี้ คาลิฟายังออกมาพูดถึงความเอารัดเอาเปรียบในอุตสาหกรรมหนังโป๊ด้วย เมื่อภายหลังจากเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสตูดิโอ BangBros เมื่อปี 2015 คาลิฟาก็เปลี่ยนใจกลางทางเมื่อพบว่าตัวเองอาจทำตามเงื่อนไขสัญญาที่ระบุให้เธอต้องเล่นหนังโป๊เดือนละหลายๆ เรื่องไม่ไหว ยังไม่นับรวมบรรยากาศการถ่ายทำที่เป็นพิษหลายต่อหลายครั้ง จนในเวลาต่อมาเมื่อเธอสมัคร OnlyFans เธอประกาศว่า "นี่ทำให้ฉันภูมิใจมากเลย ภูมิใจที่ได้สร้างอะไรขึ้นมาเอง และได้ทำคอนเทนต์ของตัวเอง" คาลิฟาบอก "ได้เลือกว่าจะสวมเสื้อผ้าแบบไหน ได้เลือกว่าจะทำอะไรในวิดีโอบ้าง โดยไม่ต้องมีคนอื่นมาบงการ หรือถ้าอยากเอาคลิปไหนออกไปก็ทำได้เอง และนี่แหละที่เสริมสร้างพลังให้ฉันอย่างที่สุด อยากให้คนได้ดูว่าเซ็กซ์มันก็มีหลากหลายรูปแบบ เราสร้างรายได้จากเรือนร่างของเรา ซึ่งมันเป็นเรื่องดีด้วยนะ มันเนื้อตัวเรา ร่างกายเรา และเป็นสิทธิของเราด้วย"
คำพูดดังกล่าวของเธอส่งผลให้คนหันมาตั้งคำถามกับความเป็นพิษและการกดขี่ในอุตสาหกรรมหนังโป๊ (ยังไม่นับเรื่องค่าตอบแทนที่ก็เป็นประเด็นอยู่ว่า มีการจ่ายค่าตัวนักแสดงและทีมงานที่เหมาะสมหรือยัง) "พูดตรงๆ ว่าฉันไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ตกหลุมพรางของบริษัทเหล่านี้ ตลอดจนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนบนอินเทอร์เน็ตแบบที่ฉันโดนน่ะ" เธอบอกปิดท้าย