LadyMirror รู้ทุกเรื่องของผู้หญิง | แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ บิวตี้ ความงาม และอื่นๆ

เราต้องลงทุนแค่ไหนกับ ‘เสื้อผ้าทิพย์’ ไกด์ไลน์ล่วงหน้า เมื่อสายแฟฯ จะไปอยู่ในเมตาเวิร์ส

ทุกวันนี้ได้แต่งตัวสวยๆ เก๋ๆ ออกจากบ้านบ้างไหม? บางคนอาจจะเป็นปกติเหมือนเดิม บางคนออกน้อยลง และอาจจะมีบางคนแทบไม่ได้ออกเลย แต่ที่แน่ๆ เกือบทุกคนล้วนเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ไม่ว่าสถานการณ์โลกจริงจะเป็นอย่างไร 

และนั่นอาจจะเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้ในอนาคตเราอาจจะไม่ได้แต่งตัวออกจากบ้าน แต่อาจจะแต่งตัวเข้าไปอยู่ในจักรวาลนฤมิต

เมื่อแฟชั่นเข้าสู่จักรวาลนฤมิต

การมาถึงของจักรวาลนฤมิต หรือ เมตาเวิร์ส โลกเสมือนใบใหม่ฝีมือของ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ที่ก้าวล้ำไปกว่าโซเชียลมีเดียในปัจจุบันด้วยการที่เราสามารถสร้างอวตาร์ของตัวเองขึ้นมา และมีไลฟ์สไตล์ไม่ต่างจากในชีวิตจริง และที่สำคัญต้องจ่ายเงินจริงๆ ไม่ต่างจากในชีวิตจริงด้วย ทำให้เมตาเวิร์ส กลายเป็นที่กล่าวถึงในประเด็นต่างๆ เช่นเดียวกันกับฝั่งแฟชั่น ที่หลายแบรนด์เตรียมตัวกระโจนเข้าไป (ขายของ) ในโลกเมตาเวิร์สกันแล้ว

อันที่จริงก่อนที่เมตาเวิร์สจะเปิดตัว กระแสของ Virtual Fashion หรือเสื้อผ้าทิพย์ เริ่มเป็นที่พูดถึงมาสักพักแล้ว ด้วยเหตุแห่งสถานการณ์โควิดที่ทำให้แต่งตัวออกไปเที่ยวไหนไม่ได้ 

เสื้อผ้าทิพย์นั้นมีพัฒนาการมาจาก ‘สกิน’ ของเกม ซึ่งปีหนึ่งๆ มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และนั่นทำให้แฟชั่นแบรนด์หันมาสนใจโลกเสมือนในออนไลน์มากขึ้น เริ่มจาก Diesel ที่ขายเสื้อผ้าดิจิทัลในเกม The Sims มาตั้งแต่ปี 2012 ตามมาด้วย Louis Vuitton ในเกม League of Legends ในปี 2019 และก่อนที่จะมีการเปิดตัวเมตาเวิร์ส Balenciaga นำเอาเสื้อผ้าดิจิทัลคอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วง 2021 เข้าสู่เกม Fortnite และ Ralph Lauren ใน Roblox

ไม่เพียงแค่เมตาเวิร์ส หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ให้ผู้คนเข้าไปสร้างสรรค์อวตาร์ หรือสิ่งต่างๆ ในโลกออนไลน์ได้เสมือนจริง และต้องจ่ายเงินจริง เมื่อ NFT หรือสินทรัพย์ดิจิทัล กลายมาเป็นอีกส่วนหนึ่งของโลกเสมือนแบบใหม่ ทำให้เกิดโลกจำลองวัตถุนิยมไม่ต่างจากโลกจริงที่ต้องเข้าถึงความลักชัวรีทั้งหลายด้วยเงิน (จริง) จำนวนมหาศาล

อยากเป็นสายแฟในเมตาเวิร์ส ต้องจ่ายเท่าไร

หากเป็นสายแฟในโลกจริง ก็คงต้องไปเดินช็อปปิ้งที่พารากอน ไอคอนสยาม หรือดิ เอ็มควอเทียร์ แต่ถ้าเป็นสายแฟในโลกเมตาเวิร์ส ก็คงต้องไปช็อปที่ The Dematerialised ซึ่งเป็นดิจิทัลดีพาร์ท

ตเมนต์สโตร์ ที่มีของระดับลักชัวรีให้ช็อปมากมาย เริ่มขายของชิ้นแรกในปี 2020 เป็นสเวตเตอร์สีเงิน ในราคา 121 ยูโร และขายไปแล้วกว่า 1,212 ชิ้น แต่ละชิ้นโซลด์เอาต์ภายในสามชั่วโมง 

The Dematerialised ยังทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ อย่าง Fabricant บริษัทผลิตเสื้อผ้ากูตูร์แบบดิจิทัลสำหรับอวตาร์บนโซเชียลแพลตฟอร์ม และแพลตฟอร์มแบบเมตาเวิร์สทั้งหลาย และขึ้นชื่อว่าเสื้อผ้ากูตูร์ราคาก็กูตูร์สมชื่อ ตัวละ 9,000 ยูโรเท่านั้นเอง หรือล่าสุด The Dematerialised ก็จับมือกับแบรนด์ระดับโลก Karl Lagerfeld ทำชุดสูท 7 ชิ้น อันเป็นไอคอนิกของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ในรูปแบบดิจิทัลออกขาย สนนราคาตัวละ 100 ยูโร มีสองสีคือ ม่วง และน้ำเงิน อ้อ...โซลด์เอาต์เรียบร้อยแล้วนะ

หรือกระเป๋ากุชชี Dionysus ในแบบดิจิทัลแบ็ก ในราคา 350,000 Robux หรือ 4,100

ดอลลาร์สหรัฐ (ราคาสูงกว่าราคากระเป๋าจริง) และล่าสุดที่สร้างความฮือฮามากๆ ก็คือ กระเป๋าเบอร์กิน แน่นอนว่าใช่ว่าใครๆ จะเดินเข้าช็อปไปซื้อเบอร์กินมาถือได้ การจะได้มาซึ่งเบอร์กินแต่ละใบจากช็อปนั้นมีทริกมหาศาล ตั้งแต่ต้องช็อปของอย่างอื่นเป็นล้าน หรือแม้กระทั่งเวตติ้งลิสต์ที่ต้องรอนานหลายปี แถมเลือกไม่ได้ด้วยว่าอยากได้แบบไหน ขึ้นอยู่กับว่ามีของอะไรมานำเสนอ 

แต่ถ้าเป็นเบอร์กิน NFT ในเมตาเวิร์ส ก็ไม่ต้องรอ ไม่ต้องไปช็อปของอย่างอื่นเป็นล้าน

ล่าสุด ศิลปินชาวแอลเอ Mason Rothschild ได้ปล่อยผลงาน MetaBirkin ในรูปแบบ NFT ออกมาขายในงาน Art Basel Miami ในราคา 0.1ETH (the Ethereum blockchain's cryptocurrency) หรือถ้าเป็นเงินจริงก็ประมาณ 40,000 ยูโร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เบอร์กินจากแอร์เมส เพราะแอร์เมสยังไม่เข้าสู่โลกของ NFT หรือเมตาเวิร์ส แม้ตอนนี้จะยังซื้อขายเป็นสาวแฟถือเบอร์กินในเมตาเวิร์สกันได้ แต่อนาคตก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะกลายเป็นเบอร์กินละเมิดลิขสิทธิ์ 

ซื้อดี-ไม่ซื้อดี

แม้จะยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่า เราจะซื้อของที่ไม่ได้ใช้ ไม่ได้ถือจริงด้วยเงินจริงไปเพื่ออะไร (แน่นอนว่าคนที่เถียงอาจจะไม่ใช่คนที่มีความสามารถในการซื้อ แต่คนที่ซื้ออาจจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ) แต่อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่าด้วยสถานการณ์โควิด และอาจจะมีเรื่องอื่นๆ อีกในอนาคตที่ทำให้เราได้ออกจากบ้านน้อยลงทุกที บางทีการเข้าสู่จักรวาลนฤมิตอาจจะกลายเป็นกิจกรรมใหม่ในชีวิตประจำวันในอนาคตก็ได้ และแม้จะไม่มีโควิด ทุกวันนี้เราก็เข้าสู่โลกออนไลน์ในรูปแบบอื่นๆ กันแทบจะมากกว่าการเข้าสู่โลกจริงกันอยู่แล้ว

คาดการณ์กันว่าแฟชั่นจะสามารถสร้างมูลค่าในเมตาเวิร์สได้ปีละ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียว และนั่นจึงทำให้แบรนด์ต่างๆ รีบกระโจนเข้าสู่โลกเสมือนแห่งนี้ก่อนใคร นอกจากรายชื่อที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมี D&G, Rebecca Minkoff, Adidas, Forever 21 ฯลฯ และคิดว่าคงไม่หยุดแค่นี้แน่

อีกประเด็นหนึ่งที่มีการหยิบยกมาพูดคือ ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ปัญหาปัจจุบันของโลกแฟชั่นที่ใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาลและผลิตขยะเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งอุตสาหกรรมแฟชั่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของโลกร้อนเป็นอันดับสองของโลกเลยทีเดียว

เสื้อผ้าทิพย์ทำให้ลดปัญหาตรงนี้ไปได้ เพราะไม่ต้องใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติในการสร้างสรรค์ ไม่ต้องทำสต๊อกแล้วเหลือทิ้งกลายเป็นขยะแบบเสื้อผ้าจริง จากข้อมูลของ DressX

กล่าวว่าดิจิทัลแฟชั่นนั้นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าแฟชั่นจริงถึง 97% และใช้น้ำในการผลิตน้อยกว่าถึง 872 แกลลอนเลยทีเดียว

จะซื้อหรือไม่ซื้อก็คงต้องคิดดีๆ แต่ถ้าเลือกจะเป็นสายแฟ ไม่ว่าโลกไหน ก็ต้องจ่าย (แพง) ทั้งนั้น

อ้างอิง

https://www.forbes.com/sites/laurendebter/2021/12/25/fashion-and-the-metaverse-why-ralph-lauren-wants-to-sell-you-digital-clothing/

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-12-09/luxury-fashion-brands-are-already-making-millions-in-the-metaverse

https://www.elle.com/uk/fashion/a38536774/birkin-bag-nft/?fbclid=IwAR2Jb9Wf55xoIUE0TDDl9X-9_4Pz5QswmX_JQon7ZkSIGe7I39MbesZIBhY 

https://www.glossy.co/fashion/how-5-brands-have-launched-into-the-metaverse-since-september/ 

Author

RUNGRAWEE SIRITHAMPHAIBOON

Content Creator

TAG

    Related Stories

    เราต้องลงทุนแค่ไหนกับ ‘เสื้อผ้าทิพย์’ ไกด์ไลน์ล่วงหน้า เมื่อสายแฟฯ จะไปอยู่ในเมตาเวิร์ส

    beauty-style

    เราต้องลงทุนแค่ไหนกับ ‘เสื้อผ้าทิพย์’ ไกด์ไลน์ล่วงหน้า เมื่อสายแฟฯ จะไปอยู่ในเมตาเวิร์ส

    MIRROR'sGuide