‘โอรีนี ไคปารา’ (Oriini Kaipara) คือผู้ประกาศข่าวหญิงคนแรกในโลกที่มีรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าเมารีที่เรียกว่า ‘โมโก’ หรือ ‘Moko Kauae’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวเมารี

Oriini Kaipara ผู้ประกาศข่าวจากชนเผ่าเมารี ที่พร้อมยืนหยัดเพื่ออัตลักษณ์ชนเผ่า แม้ถูกวิจารณ์เรื่องรอยสัก Moko บนใบหน้าว่า ‘ดูไม่เหมาะสม’ 

ต้องยอมรับว่าแม้ทุกวันนี้หลายๆ สังคมจะอ้าแขนรับความแตกต่างหลากหลายในมิติต่างๆ มากขึ้น แต่ในบางมิติอย่างเรื่องความแตกต่างของวัฒนธรรมและชาติพันธ์ุ กลับยังคงเป็นเรื่องเปราะบาง ละเอียดอ่อน จนหลายครั้งก่อให้เกิดการถกเถียงจนเป็นประเด็นกันอยู่มาก&nbsp;อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับรอยสักบนใบหน้าของผู้ประกาศข่าวสาวช่อง Newshub ของนิวซีแลนด์ วัย 41 ‘โอรีนี ไคปารา’ (Oriini Kaipara)&nbsp;ผู้ประกาศข่าวหญิงคนแรกในโลกที่มีรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าเมารีที่เรียกว่า ‘โมโก’ หรือ ‘Moko Kauae’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวเมารี ชนเผ่าพื้นเมืองโพลินีเซียน (Polynesian) ชาติพันธุ์กลุ่มย่อยของกลุ่มชาติพันธุ์ออสโตรนีเซียน (Austronesian) ที่มีรากเหง้าดั้งเดิมอาศัยอยู่ในภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตอนใต้ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่เกาะฮาวาย เกาะซามัว เกาะตาฮิติ ไปจนถึงเกาะนิวซีแลนด์&nbsp;รอยสัก Moko จะถูกสักไว้บริเวณปากและคางของผู้หญิงเผ่าเมารีโดยที่นอกจากความเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีความหมายสำคัญซ่อนอยู่ในนั้น นั่นคือการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณระหว่างหญิงสาวกับบรรพบุรุษของเธอ พร้อมกับแสดงความเป็นผู้นำ ความภาคภูมิใจในเกียรติยศแห่งสายเลือด รวมไปถึงเป็นการสถานภาพทางสังคมและความสามารถของหญิงสาวผู้นั้นด้วยแม้โอรีนี ไคปาราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เดินตามความฝันของตัวเองในฐานะสื่อมวลชนผู้พิสูจน์ฝีมือมาแล้วจากรางวัล Award-winning Bilingual Journalis แต่อัตลักษณ์และตัวตนของชาติพันธ์ุที่เธอแสดงออกผ่านรอยสัก Moko กลับยังคงทำให้สังคมบางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่ารอยสัก Moko ของไคปารานั้น ‘ดูไม่ดี’ บ้างก็ว่าเธอเป็นผู้ประกาศข่าว เป็นคนทำงานเบื้องหน้า ไม่ควรจะสักในที่โจ่งแจ้งแบบนี้ คนดูบางคนถึงขั้นส่งอีเมลมายังรายการข่าว Newshub วิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงว่ารอยสักนี้ทำให้ไคปาราดู ‘ก้าวร้าวและหัวรุนแรง’ เกินไป และนอกจากเรื่องรอยสักที่ทำให้คนดูไม่พอใจแล้ว บางครั้งไคปารายังพูดภาษาเมารีในขณะอ่านข่าวซึ่งทำให้คนดูไม่พอใจอย่างมากและขอร้องให้ไคปาราหยุดทำแบบนั้นเสียที<img src="https://media.thairath.co.th/image/x5btt0908ZnMMzdM4diDpYMGlqeW8faOpPs1a2hAOjf8k8Ue9vA1.jpg" data-id="101533" data-url="https://media.thairath.co.th/image/x5btt0908ZnMMzdM4diDpYMGlqeW8faOpPs1a2hAOjf8k8Ue9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">เมื่อไคปารารับรู้คำวิจารณ์ก็ไม่ได้นิ่งเฉย เธอแคปข้อความจากอีเมลของผู้ชมที่ใช้ชื่อว่า ‘David’ นั้นแล้วตอกกลับทั้งในอินสตาแกรมส่วนตัว ทั้งอีเมลกลับไปว่าคนที่สัก Moko ไม่ได้ทำร้ายใครเลย และไม่มีใครสมควรได้รับการเลือกปฏิบัติ การคุกคาม หรืออคติ เพียงเพราะเธอคนนั้นสัก Moko&nbsp;“เราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสร้างความรุนแรงหรือมีเจตนาทำให้ใครรู้สึกไม่ดี เช่นเดียวกับที่เราไม่สมควรได้รับคำวิจารณ์ที่คุกคามแบบไม่สนใจใยดีเช่นนี้เหมือนกัน” ไคปาราตอบกลับผู้วิจารณ์เธอ “ได้โปรดเก็บคำตำหนิของคุณเอาไว้เถอะ ได้โปรดเก็บนิสัย Ignorance กับความลำเอียงต่อวัฒนธรรมอื่นๆ ในสังคมเอาไว้ใช้ในศตวรรษที่ 18 ก็พอนะ”&nbsp;อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ทางลบจำนวนหนึ่ง ในอีกด้านไคปารายังคงได้รับเสียงชื่มชมไม่แพ้กันในฐานะที่เธอเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงคนแรกผู้มาจากชนพื้นเมืองเผ่าเมารีและกล้าพอจะแสดงอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของตัวเองให้โลกได้รับรู้ อีกทั้งกรณีของไคปารายังเป็นเรื่องดีที่ทำให้โลกตระหนักถึงการมีอยู่ของความแตกต่างหลากหลายไปอีกขั้น เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้และยอมรับความหลากหลายนั้นโดยไม่มีอคติไปพร้อมกัน&nbsp;ไคปาราได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว New Zealand Herald ถึงประเด็นที่เกิดขึ้นครั้งนี้ว่า ทำไมมันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่อัตลักษณ์ของชนเผ่าเมารีจะถูกแสดงออกไปให้มากกว่าที่เป็นอยู่ “ความจริงที่ว่าฉันแสดงความเป็นตัวตนและการมีอยู่ของชาติพันธุ์ตัวเองนั้นทำให้คนกลุ่มหนึ่งไม่พอใจนี้แหละเป็นเครื่องยืนยันว่าเพราะเหตุใดเราถึงต้องมีคนจากเผ่าเมารียืนหยัดอยู่ในทุกบทบาท ทุกภาคส่วนของสังคมค่ะ”อ้างอิง&nbsp;<a href="https://entertainmentmind.com/tv-presenter-with-maori-face-tattoo-hits-back-at-cruel-trolls/?fbclid=IwAR0iuXMVvQL2-jh_P0JwOcm132ca4TvGqPjO4mUpJWDRTAB3s3_t7j8h_tk_aem_AYijqGB37neaF31iv9dVTrOjw3cs7PTG6FvSF9N50aM6UvnchRHcfGUh30BBhlkNu57JpRLZ08fShJBeubYnA050" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://entertainmentmind.com/tv-presenter-with-maori-face-tattoo-hits-back-at-cruel-trolls/?fbclid=IwAR0iuXMVvQL2-jh_P0JwOcm132ca4TvGqPjO4mUpJWDRTAB3s3_t7j8h_tk_aem_AYijqGB37neaF31iv9dVTrOjw3cs7PTG6FvSF9N50aM6UvnchRHcfGUh30BBhlkNu57JpRLZ08fShJBeubYnA050</a>&nbsp;

หนึ่งในคนที่ขับเคลื่อนประเด็นออทิสซึมมานานนับทศวรรษคือ แจ็กเคอลีน จาบลอนสกี (Jacquelyn Jablonski) ที่หลายคนอาจคุ้นเคยในฐานะนางแบบชั้นนำของแบรนด์แฟชั่นหลายสำนัก แต่นอกจากงานแฟชั่น เธอแน่วแน่กับการสื่อสารประเด็นออทิสติก

Jacquelyn Jablonski นางแบบสาวที่ตั้งใจสื่อสารประเด็น ‘ออทิสติก’ จากการเติบโตมากับน้องชายออทิสติกแต่กำเนิด

‘PANK’ หรือ ‘Professional Aunt, No Kids’ ผู้หญิงที่มีสถานะการเงินคล่องตัว ดูแลตัวเองได้ ไม่ได้มองว่าจุดสูงสุดของชีวิตคือการแต่งงานมีลูก เพียงแค่อยากเป็นคุณน้ามืออาชีพ คอยดูแลหลานๆ ที่เธอรัก

การเพิ่มขึ้นของ PANK : Professional Aunt, No Kids น้าสาวสุดคูล ดูแลตัวเองได้ สายเปย์ ชอบเลี้ยงหลาน แต่ไม่ได้อยากแต่งงานหรือมีลูก

กำลังเป็นที่ฮือฮาในประเทศจีนอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อภาพการออกแบบสถานีรถไฟหนานจิงเหนือ (North Nanjing) ในเมืองหนานจิง ประเทศจีน ในรูปแบบม็อกอัป ถูกเผยแพร่ออกมาให้ชมกัน ที่ทำเอาคนจีนพูดเป็นเสียงเดียวกันบน Weibo ว่า นี่มัน ‘ผ้าอนามัยยักษ์’ ชัดๆ!

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Change

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS