
จู๋ในญี่ปุ่น กับจู๋ในไทย ทำไมถึงต่างกัน? เมื่อจู๋ศักดิ์สิทธิ์อยู่ได้ จู๋เซ็กซ์ทอยก็ควรอยู่ได้

ไทย-ญี่ปุ่น ล้วนบูชา ‘จู๋’ แต่พอเป็น 'เซ็กซ์ทอย' ประเทศหนึ่งเกลียด ประเทศหนึ่งรัก

ญี่ปุ่นน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดกว้างเรื่องเซ็กซ์มากๆ ประเทศหนึ่งของโลก และการให้พื้นที่กับ ‘จู๋’ ตั้งแต่ในเทศกาลใหญ่ประจำปีที่บูชาจู๋ในฐานะของศักดิ์สิทธิ์ มีการออกแบบจู๋ให้กลายเป็นงานสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงในตลาดเซ็กซ์ทอย ที่เราสามารถเห็นจู๋ปลอมตั้งขายบนดินได้เป็นเรื่องปกติ ขณะที่อีกประเทศหนึ่ง มีวัฒนธรรมบูชาจู๋ศักดิ์สิทธิ์เหมือนๆ กัน แต่พอพูดถึงงานสร้างสรรค์บนสื่อ หรือกระทั่งเซ็กซ์ทอย จู๋กลับกลายเป็นของต้องห้าม ผิดกฎหมาย แอบซ่อนอยู่ใต้ดิน - ใช่ เรากำลังพูดถึงประเทศไทย ที่ปากบอกว่าจู๋มันลามกจกเปรต ไม่สุภาพอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราก็ขยิบตาแบบรู้กันดีว่าจริงๆ คนไทยคุ้นเคย และเป็นมิตรกับจู๋มากแค่ไหน กลับมาที่เรื่องการ ‘บูชาจู๋’ หลายคนอาจจะสงสัยว่า สยามเมืองยิ้ม กับ แดนอาทิตย์อุทัย มีที่มาที่ไปเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องบูชาจู๋ปลอมยังไง ไปอ่านกันได้เลย เริ่มกันที่ประเทศไทย กับการบูชา ‘ปลัดขิก’ วัตถุที่ทำจากไม้มงคล กัลปังหา เขาสัตว์ หรืองา ซึ่งเริ่มต้นความเชื่อในสมัยอยุธยา โดยคนสมัยนั้นเชื่อเรื่องการนับถือผีบรรพบุรุษ ที่จะคอยปกป้องลูกหลาน ขณะเดียวกันก็ยังเชื่อว่ามีผีดีก็ต้องมีผีร้ายที่จะคอยรังแก และขัดขวางความสงบสุขให้ชีวิตของชาวบ้านไม่ราบรื่น จึงต้องมีพิธีกรรม ‘หลอกผี’ ก่อนโดนผีหลอกขึ้นมา เด็กชายอายุ 3-4 ขวบขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ภูมิคุ้มกันของเด็กจะถดถอยลง เจ็บป่วยง่าย จึงนิยมแขวนปลัดขิกบริเวณเอว ที่ปลัดขิกนั้นมีลักษณะเหมือนองคชาตย่อส่วน ไม่มีหนังหุ้มปลาย สาเหตุที่ห้อยช่วงเอว เพราะต้องการให้อยู่ใกล้กับจู๋ของเด็กๆ ให้มากที่สุด เพื่อหลอกผีให้ไขว้เขว และเข้าใจผิดว่าเด็กเหล่านั้น ‘ไม่เด็ก’ อีกต่อไป โปรดอย่ามายุ่ง เพราะเด็กไม่ใช่เหยื่อของแกอีกต่อไป! วันเวลาผ่านไป จากเป็นแค่วัตถุคุ้มครองเด็กชาย ก็เริ่มขยายความเชื่อจนกลายเป็นว่าผู้ใหญ่ หรือวัยไหนๆ ก็นิยมแขวนไว้เป็นเครื่องราง หรือสิ่งเคารพกราบไหว้มาจนถึงปัจจุบัน ส่วนที่ญี่ปุ่น จะบอกว่าประเทศเขาเล่นใหญ่ยิ่งกว่า จัดเป็นเทศกาลแห่จู๋ไปเลยจ้า กับ ‘Kanamara Matsuri’ หรือ Pennis Festival เทศกาลชินโตประจำปี ที่จัดขึ้นวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ช่วงฤดูซากุระบาน ในคาวาซากิ เมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างโตเกียว และโยโกฮาม่า โดยทำการแห่มิโคชิ (mikoshi) หรือซุ้มศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ที่มีรูปปั้นจู๋ขนาดใหญ่ ซึ่งคนในท้องถิ่นหลายสิบคนช่วยกันแบก ท่ามกลางชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวกว่า 30,000 คน โดย 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ตบเท้าเข้ามาบนถนน ร่วมกันหัวเราะ ร้องเพลง และตระการตาไปด้วยจู๋ทุกสี ทุกขนาด ซึ่งถูกทำเป็นของเล่น ของกิน หรือของฝาก อย่างน่ารัก<img src="https://media.thairath.co.th/image/c5qsYkobpjfmL7doP6qZPTXJknam3342Ws1a2hbY0214ID8e9vA1.jpg" data-id="100218" data-url="https://media.thairath.co.th/image/c5qsYkobpjfmL7doP6qZPTXJknam3342Ws1a2hbY0214ID8e9vA1.jpg" style="width: 589px;" class="fr-fic fr-dib"><img src="https://media.thairath.co.th/image/Mw2p1V2m4puxI39K1bRARTX7SeBxyxgs1Sn64Os1a2hJPJiOoMe9vA1.jpg" data-id="100218" data-url="https://media.thairath.co.th/image/Mw2p1V2m4puxI39K1bRARTX7SeBxyxgs1Sn64Os1a2hJPJiOoMe9vA1.jpg" style="width: 588px;" class="fr-fic fr-dib">ศาสนาชินโตในญี่ปุ่น เป็นศาสนาที่เคารพบูชาธรรมชาติ และเทศกาล Kanamara Matsuri จัดขึ้นโดยนักบวชจากศาลเจ้าคานายามะ (Kanayama Jinja) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่คู่บ่าวสาวจะสวดภาวนาขอลูก และชีวิตแต่งงานที่ราบรื่น อีกทั้งในช่วงยุคเอโดะ ศตวรรษที่ 17-19 เหล่า Sex Workers นิยมมาสวดมนต์เพื่อกำจัดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พวกเขาอาจจะได้รับระหว่างการทำงาน ศาลเจ้าดังกล่าวนำความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาจู๋ ที่มีต้นกำเนิดมาจากตำนานญี่ปุ่นโบราณ โดยเชื่อว่าปิศาจตนหนึ่งหลงรักหญิงสาว จึงซ่อนตัวอยู่ในช่องคลอดของเธอ และเมื่อหญิงสาวผู้นั้นกำลังจะแต่งงาน ปิศาจจึงกัดผู้ชายคนนั้นด้วยแรงหึงหวง เพื่อกำจัดคำสาปนี้ ผู้หญิงคนนั้นจึงขอความช่วยเหลือจากช่างตีเหล็กให้สร้างลึงค์เหล็ก (น่าจะคล้ายๆ กับปลัดขิกบ้านเราแหละ) หลอกล่อปิศาจให้กัดสิ่งนี้จนฟันหัก ฟันร่วงหมดปาก จึงเป็นที่มาของความเชื่อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไทย หรือญี่ปุ่น เราต่างเคารพความเชื่อที่พูดมาทั้งหมดของคนคนนั้น แต่ความคล้ายที่แตกต่างกันสุดขั้วของไทย และญี่ปุ่น ไม่ได้อยู่ที่ความเชื่อ แต่อยู่ที่การมอง ‘อวัยวะเพศ’ ซึ่งประเทศหนึ่งมองเป็นเรื่องต้องห้าม อีกประเทศหนึ่งมองเป็นเรื่องปกติ ประเทศหนึ่งถ้ามีเสื้อยืดสกรีนรูปจู๋วางขาย หรือปรากฏภาพเซ็กซ์ทอยบนสื่อคงรีบสั่งแบน เพราะการที่ประชาชนไม่มีเซ็กซ์คือเรื่องดีงาม ส่วนอีกประเทศมองเป็นเรื่องธรรมดา พยักหน้า อ๋อๆ อย่างนี้นี่เอง แล้วปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นเป็นไปตามธรรมชาติ หรือบางคนก็สนใจอยากหาความสุขทันทีโดยไม่ต้องทำอะไรผิดกฎหมาย เมื่อปี 2020 กรมศุลกากรเพิ่งยึดเซ็กซ์ทอย 4,000 ชิ้น โดยรัฐบาลไทยก็ค้านการแก้กฎหมายเรื่องเซ็กซ์ทอยเสรี และมองว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ และเซ็กซ์ทอยจะเป็นปัญหาจากรุ่นสู่รุ่น ผู้ใหญ่หลายคนยังไม่เปิดรับเซ็กซ์ทอย กฎหมายจึงต้องบังคับใช้ให้เซ็กซ์ทอยเป็นอันตรายต่อศีลธรรม ห้ามนำเข้า หรือส่งออก และมีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 287 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่เว็บไซต์บีบีซีเรดิโอโฟร์ระบุว่า ปี 2017 ขนาดตลาดสินค้า และอุปกรณ์ช่วยเหลือทางเพศมีมูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านปอนด์ หรือราว 6.9 แสนล้านบาท และในปี 2020 การศึกษาของ Grand View Research ระบุว่า ตลาดเซ็กซ์ทอยทั่วโลกมีมูลค่า 33.64 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ประเทศไทยที่บูชา ‘จู๋’ แต่ก็ต่อต้านในคราวเดียว กลับกราบไหว้ หวังพึ่งความสุขทางใจ แต่ไม่เคยคิดถึงความสุขทางโลกของมนุษย์ ที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานซึ่งควรได้รับ...ย้อนแย้งหรือเปล่า อ้างอิง: <a href="https://www.bbc.com/thai/thailand-53125024" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bbc.com/thai/thailand-53125024</a> <a href="https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/sex-toys-market" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/sex-toys-market</a> <a href="https://www.independent.co.uk/travel/asia/japan-penis-festival-annual-shinto-history-kanamara-matsuri-a8864896.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.independent.co.uk/travel/asia/japan-penis-festival-annual-shinto-history-kanamara-matsuri-a8864896.html</a> <a href="https://www.kanpai-japan.com/kawasaki/kanamara-matsuri" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.kanpai-japan.com/kawasaki/kanamara-matsuri</a> <a href="https://www.silpa-mag.com/history/article_9760" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.silpa-mag.com/history/article_9760</a> <a href="https://www.vice.com/en/article/5dbmx8/thailand-ban-sex-toys-illegal-market-booming?fbclid=IwAR2ilZgd3E7GZU3DIxfqdDv_Dn0jfwyr6WezuieXLNvmZWmzVJ9d6b2LEso" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.vice.com/en/article/5dbmx8/thailand-ban-sex-toys-illegal-market-booming?fbclid=IwAR2ilZgd3E7GZU3DIxfqdDv_Dn0jfwyr6WezuieXLNvmZWmzVJ9d6b2LEso</a>

นับว่าเป็นคำตอบที่ร้อนแรงไม่แพ้ตัวภาพ เมื่อนักแสดงสาว คริสเต็น สจ๊วต (Kristen Stewart) ตอกกลับถึงกรณีภาพถ่ายสุดวาบหวามของเธอบนปกนิตยสาร Rolling Stone ที่ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์กระหน่ำว่าดูแรงเกินเบอร์

Kristen Stewart ตอบกลับถึงคนที่วิจารณ์ภาพของเธอบนปก Rolling Stone

แม้ไม่ได้เป็นคู่หลัก แต่ฉากไหนที่ออกมาคู่กัน ก็ทำเอาแฟนๆ บางส่วนแอบฟิน คือคู่ของ ‘ครูแบมแบม’ กับ ‘ครูนิดา’ จากซีรีส์ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ ค่าย GMM ที่ฉายให้เห็นความเป็นไปได้ของคู่รักสาวทรานส์วัยกลางคน

สำรวจความหลากหลายของหญิงรักหญิง
ภายใต้ร่ม Sapphic ผ่านตัวละครใน
ซีรีส์ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ ที่ฉายให้เห็น
ความเป็นไปได้ของคู่รักสาวทรานส์วัยกลางคน

ชาวเน็ตเกาหลีมีการตั้งคำถามไปยังสมาชิกทั้ง 8 คนจากวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังในตำนานอย่าง Girls' Generation ที่ค่าเฉลี่ยอายุของพวกเธออยู่ที่ 35 ปี แต่กลับไม่มีสมาชิกคนใดเลยที่แต่งงาน

“พวกเธอไม่จำเป็นต้องแต่งงาน เพียงเพราะอยู่ในวัยที่ต้องแต่งงาน” สาวๆ Girls' Generation ถูกชาวเน็ตเกาหลีตั้งคำถามว่าอายุ 30+ แล้ว ทำไมยังไม่แต่งงาน?! ขณะที่ผู้หญิงเกาหลีจำนวนมากก็มองการแต่งงานเป็นเรื่อง ‘ไม่จำเป็น’ มากขึ้น

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Social Issues

ไทย-ญี่ปุ่น ล้วนบูชา ‘จู๋’ แต่พอเป็น 'เซ็กซ์ทอย' ประเทศหนึ่งเกลียด ประเทศหนึ่งรัก

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS