เบียร์ เดอะวอยซ์ ประกาศยุติความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มท็อป Lazyloxy ไปหมาดๆ ดูเหมือนว่ากระแสโจมตีเธอเรื่อง ‘เปลี่ยนแฟนบ่อย’ จะวนกลับมาอีกครั้ง และแทบจะเป็นทุกครั้งที่เธอเลิกคนนั้น คบกับคนนี้ แล้วจะโดนวิจารณ์อยู่เสมอ

ทำไมผู้หญิงเปลี่ยนแฟนบ่อยต้องโดนด่า? กับปรากฏการณ์ทัวร์ลง ‘เบียร์’ เดอะวอยซ์ เพียงเพราะเธอเปลี่ยนแฟนบ่อย 

หลังจากที่ เบียร์-ภัสรนันท์ อัษฎมงคล หรือ&nbsp;เบียร์ เดอะวอยซ์ ประกาศยุติความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มท็อป Lazyloxy ไปหมาดๆ ดูเหมือนว่ากระแสโจมตีเธอเรื่อง ‘เปลี่ยนแฟนบ่อย’ จะวนกลับมาอีกครั้ง เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เบียร์โดนชาวเน็ตบางกลุ่มแซะเธอเรื่องนี้ แต่แทบจะเป็นทุกครั้งที่เธอเลิกคนนั้น คบกับคนนี้ แล้วจะโดนวิจารณ์อยู่เสมอ ดูเหมือนว่าหลายคนยังมีทัศนคติเชิงลบกับผู้หญิงที่เปลี่ยนแฟนบ่อย หรือมีประสบการณ์ความรักหลายครั้ง ทั้งที่ชีวิตของเธอก็ควรต้องเป็นสิทธิของเธอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเบียร์เป็นคนที่อยู่ในแสง เป็นบุคคลสาธารณะที่เวลาคบกับใครหรือเลิกกับใครก็มักถูกจ้องวิจารณ์ แต่การที่เธอเป็นคนดัง ไม่ได้หมายความว่าสมควรโดนวิจารณ์หรือต้องคอยรับแรงปะทะโดยตรงแบบนี้ และหากเรื่องนี้เทียบเคียงกับกรณีผู้ชายที่เปลี่ยนแฟนบ่อยๆ เราอาจไม่ค่อยได้เห็นใครออกมาต่อว่า หรือตั้งคำถามกันขนาดนี้ เพราะคิดว่าเป็น ‘ปกติ’ ของผู้ชาย มากที่สุดสำหรับคอมเมนต์เชิงลบ อาจจะถูกมองว่าเจ้าชู้ หรือดูเป็นเสือผู้หญิง ซึ่งหากเทียบกับที่ผู้หญิงโดนตราหน้า และดูถูกว่าง่าย เก็บแต้ม หรือใช้ร่างกายเปลือง ฯลฯ ความหนักเบาก็ดูจะต่างกันมากพอสมควร แถมผู้ชายบางคนอาจจะภูมิใจกับการโดนพูดว่าเป็นเสือผู้หญิงก็ได้ เพราะยังมีทัศนคติว่าแบบนี้สิ คือความเป็นชายที่แท้จริง แต่สำหรับผู้หญิงกลับถูกมองอีกแบบ เรื่องนี้ทำให้เห็นได้ว่าสังคมยังมีทัศนคติว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบในความสัมพันธ์ การมีแฟนสักครั้งจึงไม่ต่างจากการโดนเป็นเจ้าของ กลายเป็นการลดทอนคุณค่าในตัวเองไปเสียอย่างนั้น หรืออีกแง่หนึ่ง สังคมยังไม่ชินกับสิทธิเลือกของผู้หญิง ไม่ว่าจะสิทธิในการเลือกคนที่ใช่ หรือเลือกจะแสดงออกในความเป็นตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อภาพลักษณ์ของเบียร์ที่มีภาพความเรียบร้อยแฝงอยู่ แต่กลับเป็นคนเซ็กซี่ กล้าแต่งตัว ซึ่งขัดกับความคาดหวังของสังคม อีกทั้งเวลาคบกับใครก็จะแสดงออกทางความรักอย่างชัดเจน เช่น หอม กอด หรือสกินชิพรูปแบบอื่นๆ ก็อาจทวีคูณความรู้สึกติดลบของบางคนที่ยังติดกับภาพลักษณ์ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวอยู่ ไม่ใช่แค่คนดังฝ่ายหญิงคนไทยที่ถูกตั้งคำถามเวลาเปลี่ยนแฟนบ่อย ฝั่งตะวันตก เคสที่ชัดมากที่สุดคงเป็นนักร้องสาว <a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/Taylor%20Swift" rel="noopener noreferrer" target="_blank">เทย์เลอร์ สวิฟต์</a> ที่เวลาเปลี่ยนแฟนที เราจะเห็นการแซวไปจนถึงแซะแรงๆ ขึ้นมาแทบทุกครั้ง ซึ่งอาจเพราะเทย์เลอร์เองก็เป็นผู้หญิงที่ถูกคาดหวังว่าจะต้องดูเรียบร้อยในตอนแรก แต่เธอได้เริ่มเผยลุคมั่นใจในตัวเอง ที่ไม่ได้ถูกใจทุกคนด้วยเช่นกัน และหากจะกลับมาว่ากันที่การเปลี่ยนแฟนบ่อย มันก็ไม่ควรเป็นเรื่องผิดแปลกใดๆ มันอาจเป็นเพราะเราแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ หรือได้ลองเรียนรู้ความสัมพันธ์ จนพบว่าคนที่อยู่ด้วยตอนนี้ไม่ใช่คนที่เราอยากอยู่ด้วยกันในอนาคต และกล้าที่จะยืนยันที่จะถอยออกมาจากความสัมพันธ์นั้นๆ ซึ่งนับเป็นการซื่อสัตย์กับใจตัวเอง เพราะการยังคงอยู่กับคนที่ไม่ใช่ เพราะกลัวการเลิกรา ไปจนถึงกลัวคนหาว่าเปลี่ยนแฟนบ่อย มันจะดูไม่ดี อาจทำให้ตัวเราเองเจ็บปวด เสียเวลาชีวิต และท็อกซิกมากพอสมควร ถ้าเลือกได้ เชื่อว่าหลายๆ คนอยากเจอคนที่ใช่และคบกันได้ลงตัว คงไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ เพื่อมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งหรอก แต่ในเมื่อความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเจอคนที่ใช่ได้ง่ายๆ และคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เมื่อคบกันแล้วไม่เวิร์ก ไม่ว่าจะเพศไหนหรือมีบุคลิกแบบไหน ก็ควรต้องมีสิทธิเลือกความรักที่ดีต่อใจ และเฮลตี้กับตัวเองได้ การเลือกจะเปลี่ยนคนรักก็เช่นกัน

For the Love of Men: From Toxic to a More Mindful Masculinity (2019) คือหนังสือของ ลิซ แพลงค์ (Liz Plank) ที่ได้รับความชื่นชมอย่างหนาหู ว่าเป็นหนังสือที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจและพูดถึงความเป็นชายอันแสนเป็นพิษโดยปราศจากท่าทีเหมารวม

Liz Plank นักเขียนเฟมินิสต์ผู้ยืนยันว่า Toxic Masculinity ก็ทำร้ายผู้ชายเช่นกัน

เพราะการสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่เสมอไป การขับเคลื่อนของ ‘เฟมินิสม์’ ก็เช่นเดียวกัน ชวนรู้จัก ‘Microfeminism’ แนวทางการต่อสู้กับอคติทางเพศด้วยการกระทำเล็กๆ ในชีวิตประจำวันแบบเนียนๆ มากกว่าการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

Microfeminism การต่อสู้เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ผ่านการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ที่แม้ไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ใช่ว่าไม่สร้างความเปลี่ยนแปลง

คนนี้ ‘เหมาะจะเป็นเมีย’ คนนี้ ‘น่ารัก’ คนนี้ ‘พอได้’ คนนี้เป็น ‘วัตถุ’ คนนี้ ‘ไปให้พ้น’ และคนนี้ ‘ไม่เหมาะจะข่มขืน’ ฯลฯ โรงเรียนในเมลเบิร์นตัดสินใจลงโทษขั้นเด็ดขาด ไล่ออก นักเรียนชายผู้ทำตารางจัดอันดับเพื่อนหญิงร่วมชั้น ด้วยมุมมองเหยียดเพศ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS