‘ลิซ่า’ BLACKPINK ที่มีข่าวลือเรื่องเดทกับผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายเกาหลีใต้ หรือผู้ชายชาวตะวันตก เธอก็มักจะโดน ‘เหยียด’ จากความเป็นหญิง และลามไปเหยียดถึงบ้านเกิดเมืองนอน

อคติทางเพศต่อผู้หญิงอีสานที่เดทหนุ่มตะวันตก จากกรณี ‘ลิซ่า’ BLACKPINK มีข่าวเดทกับหนุ่มฝรั่ง จนโดนตั้งป้อมทั้งเหยียดเพศและเหยียดบ้านเกิด

ขึ้นชื่อว่า ‘ข่าวลือ’ แปลว่าข่าวนั้นอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ที่แน่ๆ มันยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริงเสียทีเดียว แต่บางข่าวลือ เมื่อกระจายออกไปจนเป็นประเด็นถกเถึยงกันบนโลกอินเตอร์เน็ต ก็ทำให้ได้เห็นแง่มุมของผู้คนเกี่ยวกับบุคคลนั้นๆ ที่ถูกลือ อย่างกรณี ‘ลิซ่า’&nbsp;<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/BLACKPINK" rel="noopener noreferrer" target="_blank">BLACKPINK</a> ที่มีข่าวลือเรื่องเดทกับผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายเกาหลีใต้ หรือผู้ชายชาวตะวันตก เธอก็มักจะโดน ‘เหยียด’ จากความเป็นหญิง และลามไปเหยียดถึงบ้านเกิดเมืองนอน ไม่กี่วันมานี้ บางสำนักข่าว รวมถึงผู้ใช้เฟซบุ๊ก ผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคน ได้แชร์ข่าวลือเรื่องเดทของลิซ่า กับหนุ่มชาวฝรั่งเศส เฟรเดอริค อาร์โนลด์ (Frédéric Arnault) ผู้บริหารแบรนด์ TAG Heuer และทายาทมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งกลุ่ม LVMH ซึ่งนอกจากจะน่าวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสื่อที่กระจายข่าวนี้ออกไปด้วยถ้อยคำแบบฟันธงไปแล้วว่าจริง โดยที่ทางค่ายของลิซ่ายังไม่ได้ยืนยันแม้แต่น้อย เรายังเห็นบางความคิดเห็นทั้งเชิงบวก และเชิงลบต่อลิซ่าชัดเจน หากเป็นในเชิงบวก เราคงเห็นคำว่าเหมาะสมกันมาก หรือบอกว่า แม้จะเดทจริงก็เป็นสิทธิของลิซ่า เธอโตพอจะเลือกแฟนเองได้แล้ว แต่หากเป็นเชิงลบ เราจะเห็นประเด็น <a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A8" rel="noopener noreferrer" target="_blank">‘เหยียดเพศ’</a> และ ‘เหยียดคนอีสาน’ ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเราจะอยู่ในปี 2023 ที่คนมีความตระหนักเรื่องการเหยียดมากขึ้นแล้วก็ตาม เรายกตัวอย่างหนึ่งความคิดเห็นในทวิตเตอร์ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ตอนนี้ เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งทวีตข้อความว่า “แต่อย่าลืมนะว่าน้องลิซ คือสาวอีสาน ซึ่งสาวอีสานโดยทำเนียมแล้ว ส่วนใหญ่ก็จับฝรั่งรวยๆเป็นสามีกันทั้งนั้น อีกอย่างถ้ามีแฟนมีสามีรวยขนาดนี้จะแคร์ใครอีกทำไม ก็ไม่แปลกที่.... แต่ก็ดีแล้ว คบแต่งงานไปเลยก็ดี บริ๊งค์และชปลิดกุกจะได้เลิกเอามายุ่งกับจองกุก” (บริ๊งค์: บลิงค์ แฟนคลับ BLACKPINK / ชปลิดกุก: ชิปเปอร์ลิซกุก หรือคนที่จิ้นคู่ของลิซ่าและจองกุก BTS) สิ่งที่เรามองเห็นเป็นอันดับแรกคือ การเหยียดผู้หญิงอีสาน ที่เด่นชัดในข้อความ มีการเหมารวมว่าผู้หญิงอีสานทุกคนจ้องจะจับผู้ชายฝรั่งรวยๆ ซึ่งเป็นภาพจำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่แฝงทัศนคติเหยียดหยาม แม้จะมีผู้หญิงที่อยากมีแฟนเป็นฝรั่งอยู่จริงในสังคม นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องผิดอะไร? เรามีสิทธิไปชี้ว่าการอยากมีแฟนเป็นฝรั่งเป็นเรื่องไม่ดีได้จริงไหม ในเมื่อการคบฝรั่งก็ถือเป็นหนึ่งในรสนิยม หรือถ้าผู้หญิงอีสาน หรือผู้หญิงภาคไหน อยากจะมีแฟนเป็นฝรั่งรวยจริง มันผิดแค่ไหน? ถ้าฝ่ายชายยินยอมพร้อมใจที่จะเปย์เราเอง หรือหากไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลอกลวงใคร การที่ชายคนขาวถูกยกย่องให้อยู่สูงกว่าสาวเอเชียน และการที่มองว่าการจะคบฝรั่งของหญิงไทยเป็นเรื่องที่มี hidden agenda อยู่เสมอ เพราะมันคือการสร้างภาพเหมารวมที่แฝงทัศนคติไม่ดีต่อผู้หญิงเอเชียนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับผู้หญิงอีสาน ซึ่งก็ต้องว่ากันตามตรง หากเป็นผู้หญิงไทยที่ไม่ใช่คนอีสาน แต่เป็นภาพสาวกรุงเทพฯ ไปคบกับฝรั่ง คนก็ดูจะมองว่า ดูเริด ดูเป็นสายฝอ และมีแง่มุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทางลบน้อยกว่า (แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีแง่ลบ) นั่นแปลว่าลึกๆ ผู้คนยังมีภาพจำอันเหนียวแน่นในการเหยียดผู้หญิงอีสาน และอย่างที่เห็นว่าต้นทวีตนั้น เป็นข้อความที่เกิดจากหนึ่งในแฟนคลับของจองกุก BTS ที่เคยมีข่าวลือว่าเดทกับลิซ่าเช่นกัน และนั่นทำให้เห็นว่าวัฒนธรรมการ ‘หวง’ ไอดอลชายหรือคนดังที่ตัวเองชอบจนพาลไปดูถูก เหยียดหยามฝ่ายหญิงที่ตกเป็นข่าวนั้นก็ยังมีอยู่ไม่น้อย และถือเป็นปัญหาที่แฟนคลับต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเอง ไม่ใช่เอาไปลงใส่คนอื่นด้วย hate speech จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก ที่ไอดอลเกาหลีหลายคนจะต้องแอบเดทกันลับๆ เพื่อให้พ้นสายตาแฟนคลับ และหากคนไหนเปิดเผยในที่แจ้งว่ามีแฟน หรือเดทกันให้เห็น อย่างกรณีเพื่อนร่วมวงเดียวกัน เจนนี่ BLACKPINK ที่มีภาพจับมือเดินเล่นกับ วี BTS ที่ต่างประเทศ ก็ทำให้เกิดกระแสต่อว่าเจนนี่ ว่าทำตัวไม่เหมาะสม ทั้งๆ ที่การจับมือกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติมาก และไอดอลทุกคน รวมถึงลิซ่า ถ้าอยากจะเดทกับใครก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร หรือต้องรู้สึกว่าต้องปิดบังเลย ถ้าในใจไม่อยากจะปิด ไม่ว่าความเป็นจริงแล้วลิซ่าจะเดทกับใคร หรือไม่ได้เดทกับใครเลย เธอก็มีสิทธิจะมีความรัก โดยที่แฟนคลับ ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว หรือวิพากษ์วิจารณ์เธอ เพราะนั่นคือชีวิตของเธอ ที่เธอเลือกได้เอง

แนวคิดปิตาธิปไตยที่ฝังรากลึกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเกาหลีใต้หลายๆ คนเริ่มตัดสินใจใช้ชีวิตแบบ 4 No นั่นคือ ไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีแฟน ไม่แต่งงาน และไม่มีลูก ซึ่งหลายคนมองว่าสิ่งนี้ส่งผลโดยตรงต่ออัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในโลกของเกาหลีใต้

ไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีแฟน ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก : วิถีชีวิตแบบ 4 No ของผู้หญิงเกาหลีใต้ ท่ามกลางผู้ชายที่เกลียดเฟมินิสต์

ในประเทศจีนมีวัฒนธรรมย่อมๆ ของหนุ่มสาว ที่จัด ‘ปาร์ตี้วันลาออก’ ขึ้นมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการทวงคืนอิสระ และความสุขในชีวิตของตัวเองกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางค่านิยมสังคมและครอบครัวที่คาดหวังให้ลูกหลาน “จงทำงานให้หนัก” เพื่อความสำเร็จในชีวิต

สุขสันต์วันลาออก! เมื่อหนุ่มสาวชาวจีนหันมาจัดปาร์ตี้ฉลองวันลาออก เพื่อคืนความสุขให้กับตัวเอง และเลิกบูชาค่านิยมการทำงานหนักจนใจพัง

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ ในช่วงต้นปี 2567 พบว่า สายตาที่ประชาชนหลายคนมองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับยังมีความ ‘ไม่ไว้ใจ’ ในการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่มาก

ผลสำรวจปี 67 พบว่า คนไทยหวาดกลัวต่ออาชญากรรมค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ไม่เชื่อมั่นใน ‘ตำรวจ’ ทั้งยังคาดหวังให้ตำรวจตรวจสอบได้ ทำงานเร็ว และไม่เลือกปฏิบัติ ฯลฯ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS