การถูกเร่งให้ตอบภายในไม่กี่วินาทีที่อีกฝ่ายคุกเข่าขอแต่งงาน อาจไม่เฮลตี้กับใจ

ขอแต่งงานแบบเซอร์ไพรส์ในที่สาธารณะ อาจไม่ได้โรแมนติกเสมอไป เมื่อมันแฝง ความกดดันให้ฝ่ายถูกขอต้องตอบตกลง

ช่วงนี้เราเห็นคนลงรูปคู่ว่าถูกแฟนขอแต่งงาน รวมถึงคนเข้าร่วมพิธีแต่งงานกันมากมายบนหน้าฟีดโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเพราะฤกษ์งามยามดี ด้วยวัยที่คู่รักพร้อมจะร่วมใช้ชีวิต หรือเพราะความรักสุกงอมได้ที่ เราต่างยินดีให้กับทุกความรักที่สวยงามเสมอ ขณะเดียวกันเราอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ที่มีฉากที่ฝ่ายชายขอฝ่ายหญิงแต่งงานท่ามกลางคนจำนวนมากในที่สาธารณะ แล้วดูท่าเธอจะกระอักกระอ่วนอย่างมาก นั่นหมายถึงการขอแต่งงานในที่สาธารณะอาจไม่ได้โรแมนติกสำหรับทุกคน และบางกรณียังดูเหมือนจะกดดันให้ตอบตกลง เพราะอยากรักษาหน้า รวมถึงบรรยากาศตรงนั้น แม้ฝ่ายที่ถูกขอจะยังไม่พร้อมจริงๆ ก็ตาม เราขอพิมพ์ดักไว้ก่อนว่า ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะไม่ชอบการถูกขอแต่งงานกลางแจ้ง บางคนอาจมองว่าโรแมนติกสุดๆ ไปเลยก็ได้ แต่สำหรับบางคนที่ยังไม่มั่นใจกับความรักครั้งนี้ แต่มาถูกเร่งให้ตอบภายในไม่กี่วินาทีที่อีกฝ่ายคุกเข่าลงไปขอแต่งงาน เราว่ามันก็ไม่เฮลตี้กับใจเท่าไร ซึ่งหากอิงจากผลสำรวจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็อาจจะอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้มากขึ้น ปี 2013 แบรนด์ชุดแต่งงานชื่อดัง David’s Bridal ทำการสำรวจทัศนคติของเจ้าสาวต่อการแต่งงาน โดยพบว่า 63% ไม่ต้องการรับแหวนแต่งงานที่สนามกีฬา และ 57% ไม่ต้องการที่จะถูกขอแต่งงานท่ามกลางแฟลชม็อบ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเจ้าสาวไม่ต้องการเป็นจุดสนใจท่ามกลางคนจำนวนมากๆ นั่นเอง ปี 2016 งานวิจัยของ VeraQuest พบว่า 84% ต้องการถูกขอแต่งงานกันแบบ ‘ส่วนตัว’ แม้พวกเขาจะมองว่าการขอแต่งงานในที่สาธารณะมันโรแมนติกกว่าในมุมมองของคนอื่น ปี 2022 นักจิตวิทยา ลิซ่า ฮอปล็อก (Lisa Hoplock) สำรวจการตอบรับ และปฏิเสธการขอแต่งงานของชาวตะวันตกทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ โดยวิเคราะห์จาก 374 เรื่องราวของผู้คนที่ตอบรับ และปฏิเสธการขอแต่งงานระหว่างชายและหญิง จากการสุ่มบนฟอรัมออนไลน์ เธอพบว่าการปฏิเสธนั้นมีแนวโน้มมากกว่าการตอบรับ ซึ่งการปฏิเสธมักเกิดขึ้นเมื่อถูกขอในที่สาธารณะ ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นคือผู้อยู่ในเหตุการณ์โดยรอบจะกลายเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้คู่รักมุ่งต่อไปตามสคริปต์ ซึ่งเราขอพูดง่ายๆ ว่า มันคือการเชียร์อารมณ์แบบ “แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย” หรือรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งตามงานวิจัย ผู้ชมเหล่านั้นมักจะแสดงความไม่พอใจเมื่อผู้หญิงตอบว่า “ไม่” แถมตาเจ้าบ่าวจะแสดงอารมณ์สับสน และโกรธต่อการปฏิเสธ แถม 15% ของคนที่เลือกปฏิเสธมักเจอความรุนแรงจากพาร์ตเนอร์ และ 30% ของความสัมพันธ์ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะปฏิเสธไปแล้วว่าไม่แต่ง ซึ่งก็อาจจะดีไป ถ้าทั้งสองตกลงกันได้ หรือหาตรงกลางได้ว่า เราจะไม่แต่งงานกัน หรือเคลียร์ว่าตอนนี้พร้อม หรือไม่พร้อม แต่อีกนัยหนึ่ง สำหรับบางคนการเลือกจะอยู่ต่อในความสัมพันธ์ที่เราไม่อาจหลุดพ้น ก็เหมือนการอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ฮอปล็อกเคยสำรวจประเด็นนี้มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน เธอพบว่ามีเพียง 15% เท่านั้นที่ชอบการขอแต่งงานในที่สาธารณะ และการขอในที่สาธารณะมีแนวโน้มที่จะถูกปฏิเสธมากกว่าการขอกันแบบส่วนตัวเกือบสองเท่า ซึ่งไม่รวมกรณีเจ้าสาวที่ตอบตกลงไปก่อน และกลับบ้านมาปฏิเสธภายหลังเพราะดู ‘น่าอายน้อยกว่า’ ตามที่ ศาสตราจารย์เอลิซาเบธ เปล็ก (Elizabeth Pleck) จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับหัวข้อการแต่งงาน Cinderella Dreams: The Allure of the Lavish Wedding กล่าว เปล็ก ชี้ว่า คู่รักควรพูดคุยกันก่อนขอหมั้นซึ่งถือเป็นมารยาทที่ควรจะทำ และการขอนั้นควรจะดำเนินก็ต่อเมื่อคุณเช็กเรียบร้อยว่าคู่ของคุณต้องการมัน ซึ่งเราเห็นด้วยมากว่า งานแต่งเป็นงานสำคัญ และอาจเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตบางคน อาจตรวจสอบ หรือคุยเบื้องต้นกันก่อนว่ามันจะเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้น นั่นอาจจะเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อตัดสินใจไปพร้อมๆ กัน เพราะหากไปขอแต่งงานทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร มันอาจจะไม่เกิดผลดีต่อตัวคนขอ หากอีกฝ่ายปฏิเสธ หรือถ้าไม่ปฏิเสธ แต่งกันไปก็อาจจะเลิกรา หย่าร้างกันอีกอยู่ดี ที่สำคัญการจะรู้ว่าคู่ของคุณพึงปรารถนาการขอแต่งงานแบบไหน ในที่สาธารณะ หรือขอกันเองแบบส่วนตัว ก็เป็นอะไรที่ควรรู้ด้วยเช่นกัน เพราะนั่นอาจสร้างความประทับใจ หรือสร้างความไม่ประทับใจได้เลย “เราพบว่าผู้คนมักจะชอบการขอแบบส่วนตัวมากกว่าการขอในที่สาธารณะ และถ้าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับการขอแต่งงานครั้งนี้ พวกเขาก็อยากให้เป็นการขอส่วนตัว…ฉันคิดว่าอาจมีส่องสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนอาจคิดว่านั่นคือสิ่งที่คนรักต้องการ หมายถึงการขอแต่งงานจัดใหญ่จัดเต็มในที่สาธารณะ แต่สำหรับคนอื่นอีกมาก มันอาจจะกลายเป็นความกดดันให้เซย์ yes” ฮอปล็อก กล่าว คนที่มองว่าการขอแต่งงานในที่สาธารณะต่อหน้าคนเยอะๆ นั้นโรแมนติก และซาบซึ้งยังมีอยู่ แต่คนที่มองว่ามันไม่โรแมนติก และดูจะน่าอึดอัดก็มีเช่นกัน ทั้งหมดไม่มีถูก ไม่มีผิด อยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละคน เพียงแต่เราแค่เสนออีกมุมมองให้ขบคิดกันต่อว่า บางครั้ง ถ้าแฟนของคุณ ไม่ได้มั่นใจในตัวคุณ การขอแต่งงานในที่สาธารณะ มันอาจจะกลายเป็นเกมกำจัดจุดอ่อน ที่มีฝ่ายหนึ่งรอคำตอบว่า yes ส่วนอีกฝ่ายที่ยังลังเลก็อาจถูกสายตาของคนรอบข้างมากดดันให้ตอบ yes ทั้งที่ในใจยังไม่พร้อม หรือหากเธอกล้าตอบว่า no คนที่เป็นฝ่ายขอ ก็อาจจะเสียใจ และรู้สึกแย่กว่าเดิมก็ได้ ดังนั้น การคุยถึงแผนแต่งงานกันก่อนจะขอจริง จึงสำคัญมากๆ และอาจช่วยเซฟความรู้สึกของทุกฝ่ายได้ดีที่สุด อ้างอิง: <a href="https://www.cbc.ca/radio/the180/it-s-ok-to-spear-hunt-a-call-to-end-public-marriage-proposals-and-why-vacation-shaming-trudeau-hurts-women-1.3726545/the-problem-with-public-marriage-proposals-1.3726775" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.cbc.ca/radio/the180/it-s-ok-to-spear-hunt-a-call-to-end-public-marriage-proposals-and-why-vacation-shaming-trudeau-hurts-women-1.3726545/the-problem-with-public-marriage-proposals-1.3726775</a> <a href="https://www.cosmopolitan.com/sex-love/a28485334/public-proposals-no-longer-a-trend/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.cosmopolitan.com/sex-love/a28485334/public-proposals-no-longer-a-trend/</a> <a href="https://nationalpost.com/news/why-public-marriage-proposals-are-generally-a-terrible-doomed-idea" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://nationalpost.com/news/why-public-marriage-proposals-are-generally-a-terrible-doomed-idea</a> <a href="https://psycnet.apa.org/doiLanding?doi=10.1037%2Ffam0000903" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://psycnet.apa.org/doiLanding?doi=10.1037%2Ffam0000903</a>&nbsp;

การปรากฏตัวในหน้าสื่อของ ซิดนีย์ สวีนีย์ (Sydney Sweeney) มักมาพร้อมกับพาดหัว 'เซ็กซี่' อยู่เกือบตลอดเวลา ทำให้เธอถูกมองเป็นนักแสดงสาวเซ็กซี่ที่รับแต่บทที่ต้องเปลื้องเนื้อเปลื้องหนัง ทั้งที่จริงเธอยังมีอีกหลายๆ มิติที่น่าจดจำ

Sydney Sweeney นักแสดงสาวมากความสามารถที่กลับถูกจดจำที่เรือนร่างสุดเซ็กซี่

เมื่อฉากเซ็กซ์และอีโรติกกลายมาเป็นจุดขาย เป็นพาร์ตหนึ่งของเอนเตอร์เทนเมนต์ส่วนใหญ่ ไม่ว่าในโฆษณา รายการทีวีกระแสหลัก หนัง ซีรีส์ เอ็มวี ฯลฯ มันมาพร้อมกับการสร้างจินตนาการ ใส่ความหวือหวาแฟนตาซี และ Artistic ต่างๆ ในแง่ของงานศิลปะเข้าไปมากมาย หากแต่แฟนตาซีเหล่านี้เองก็อาจสร้างความรับรู้ที่น่ากังวลสำหรับคนดูบางกลุ่มได้เช่นกัน

ปัญหาของ Sex Scenes ในสื่อบันเทิง
ที่บางครั้งก็เน้นแค่ความหวือหวา-รุนแรง 
หรือบางทีก็หนี Male Gaze ไม่พ้น และส่งผลต่อทั้งคนดูหรือกระทั่งนักแสดง

คริสเตน ดันสต์ (Kirsten Dunst) คือนักแสดงหญิงอีกหนึ่งคนที่อาจพูดได้เต็มปากว่าเกิดและโตมาในอ้อมแขนของฮอลลีวูด ทว่าตั้งแต่เธอเริ่มแสดงหนังเรื่องแรกในวัย 6 ขวบ หนึ่งปัญหาที่เธอยืนยันว่ามีมาตลอดก็คือความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ระหว่างนักแสดงหญิงกับนักแสดงชาย

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS